โตเกียว ก็มีที่เที่ยวและวัฒนธรรมอาหารที่สุดยอดอยู่นะจ๊ะ หลายคนอาจจะยังไม่เคยไปญี่ปุ่น และมองว่าโตเกียว เป็นเมืองหลวงแล้วอาจจะรู้สึกเหมือนเราอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี นอกจากช๊อปปิ้งแล้วคงไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้ว กรุงโตเกียวถือเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน (กรุงเทพก็ยาวนานตั้ง 200 กว่าปี) มีสถานที่ต่างๆ ทั้งโบราณสถาน วัด และสวนสาธารณะมากมายครับ ซึ่งในเดือนมีนาคม และ เมษายน เป็นเดือนที่ซากุระจะบานสะพรั่งที่โตเกียว เราจึงอยากแนะนำสถานที่เที่ยวชมซากุระในโตเกียว นอกจากนี้ โตเกียวก็เป็นเมืองที่มีอาหารอร่อยไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ ในญี่ปุ่นด้วย เราจึงอยากแนะนำ อาหารเอโดะ ที่เป็นอาหารพื้นฐานของโตเกียวกันครับ

อาหารสไตล์เอโดะ

เอโดะมาเอะ อาหารทะเลที่จับได้จากอ่าวโตเกียวถูกเรียกว่า “เอโดะมาเอะ” นั่นเป็นเพราะอาหารทะเลเปรียบเสมือนหัวใจของอาหารเอโดะ จากความสดใหม่ที่จับได้ทันทีทำให้ปลาที่นี่อร่อยมาก ปัจจุบันมีจำนวนน้อยมาก อาหารทะเลที่จับได้จากอ่าวโตเกียวจึงมีราคาสูง

(ภาพจาก wikipidia)

 

เอโดะมาเอะซูชิ คนเกียวโตมีความภาคภูมิใจในอาหารญี่ปุ่น คนเอโดะ ก็มีความภาคภูมิใจในซูชิแบบเอโดะ นิกิริซูชิแบบดั้งเดิมที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่จากอ่าวโตเกียว เป็นสินค้าขึ้นชื่อและมีความอร่อยมากๆ ต้องใช้ฝีมือและความพิถีพิถันในการจัดการวัตถุดิบ ตั้งแต่เตรียมข้าว เตรียมปลา ผ่าปลา ล้าง และปั้น ล้วนแล้วแต่ต้องมีการฝีกฝนจึงจะสามารถกระทำได้

 

เทมปุระ เทมปุระในเอโดะจะเป็นเทมปุระทะเล ที่ใช้อาหารทะเลสดๆ จากอ่าวโตเกียวในการทอดเป็นเทมปุระ เช่นคุรุมะเอบิ หรือ กุ้งลายเสือญี่ปุ่น (บางทีก็จะเรียกว่า กุ้งกุลาลายญี่ปุ่น) ปลาหมึก ปลาอานาโกะ (ปลาไหลทะเล) อาหารเหล่านี้จะชุบแป้งแล้วทอดในน้ำมันงา จากนั้นก็นำไปจิ้มซุปทสึยุ ที่เติมหัวไชเท้าขูดลงไปแล้ว

เอโดะยาไซ ผัก เป็นอาหารพื้นหลักของชาวเอโดะตั้งแต่ในอดีต ถูกเรียกว่า “เอโดะยาไซ” (ผักเอโดะ) ซึ่งปลูกกันทั่วไปทุกบ้านเรือน และมีความหลากหลายมาก อย่างไรก็ตามเมื่อกลายเป็นเมืองหลวงโตเกียว การปลูกผักก็ลดน้อยลงไป ในปัจจุบันมีความพยายามรื้อฟื้นกลับมา ฟาร์มผักในโตเกียวเพิ่มมากขึ้น อย่างเช่น ไชเท้าของเนริมะ และ เซนจูเนงิ ถือเป็นผักที่มีชื่อเสียงของ เอโดะ

โซบะ ในอดีตนั้น เอโดะ เป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยทุ่งโซบะ ในยุคนั้นคนธรรมดาจะทานได้แต่โซบะ ข้าว และข้าวสาลีถือเป็นอาหารของชนชั้นสูง แม้ว่าปัจจุบันทุ่งโซบะจะหายไปแล้ว แต่ความอร่อยของโซบะก็ยังคงมีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งในโตเกียว

คาบะยากิ ปลาไหลย่าง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอาหารที่คนไทยรู้จักกันดี แต่ทว่า ปลาไหลย่างญี่ปุ่นนั้นมีสองสไตล์ คือคันโตและคันไซ ในสไตล์เอโดะ หรือสไตล์คันโต จะใช้การผ่าหลังเอากระดูกสันหลังออก และนึ่งก่อน จากนั้นนำไปจุ่มซอสและย่างบนเตาถ่าน คาบะยากิเป็นอาหารที่ชาวเอโดะชื่นชอบอย่างมาก

เอโดะ กับประวัติศาสตร์ในยุคของโตกุกาว่า ในอดีตนั้น โตเกียวถูกเรียกว่า เอโดะ ถูกยกให้เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในยุคสมัยของตระกูลโตกุกาว่าตั้งแต่ ศตวรรษที่ 17 ซึ่งตระกูลโตกุกาว่า ปกครองเอโดะจนถึงศตวรรษที่ 19 ยาวนานกว่า 265 ปี ยุคนี้มีชื่อว่ายุคเอโดะ จนกระทั่งเข้าสู่สงครามเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม การเข้ามาของต่างชาติ เรือดำเข้าเทียบท่า รวมถึงการปะทะกันของซามูไรที่จงรักภัคดีต่อจักรพรรดิ์ และซามูไรฝ่ายโตกุกาว่า ในช่วงนี้บ้านเราอาจจะติดตามกันเยอะครับ เพราะเป็นช่วงที่มีซามูไรที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง ซากาโมโต้ เรียวม่า หรือกลุ่มชินเซ็นกุมิ จนกระทั่งในศตวรรษที่ 19 เป็นยุคเสื่อมสลายของตระกูลโตกุกาว่า และปิดฉากยุคสมัยแห่งเอโดะไปด้วย เอโดะ ก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น โตเกียว ในเดือนกันยายน ปี 1868 โตเกียวจึงมีสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นในยุคสมัยของโตกุกาว่าอยู่มากมายครับ และสวนเหล่านั้น ก็มักจะมีต้นซากุระ ปลูกอยู่เป็นจำนวนมาก จึงมีความสวยสดงดงาม ไม่แตกต่างไปจากสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นๆ เลยครับ เราลองไปดูว่า สวนที่ไหนในโตเกียว ที่ขึ้นชื่อและน่าไปเที่ยวชมซากุระกัน

ชมซากุระที่โตเกียว ด้วยความที่เป็นเมืองเก่า โตเกียวนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายครับ คล้ายๆ กับกรุงเทพเพราะมีวัดวาอารามจำนวนมาก ที่นิยมไปกัน แต่ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่น ดังน้นก็เลยอยากแนะนำสถานที่ชมดอกซากุระ ในโตเกียว ซึ่งมีหลากหลายจุดมากครับ แต่ละเขตก็มีน้อยมากแตกต่างกันไป

เขตบุงเคียว สวนสาธารณะโคชิคาวะ (โคชิคาวะ โคระคุเอง) ค่าเข้าชม 300 เยน การเดินทาง ลงสถานีรถไฟ อิดาบาชิ และ โคระคุเอง สวนสาธารณะแห่งนึ้เป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีประวัติอันยาวนานมาตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยในปี 1629 โดยโชกุนโกกุกาว่า โยริฟุสะ (บุตรคนที่ 11 ของโตกุกาว่า อิเอยาสึ) และเสร็จในสมัยของโชกุนโตกุกาว่า มิทสึคุนิ บุตรชายของเขา ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ มิโตะ โคมอน ไดเมียวผู้เดินทางไปทั่วเพื่อช่วยเหลือประชาชน และเป็นนักชิมที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับมิโตะโคมอน คือเรื่องของบะหมี่ หรือราเม็ง ว่าท่านเป็นคนแรกที่ได้ทานราเม็ง โยเกิร์ต ชิส นม ไวน์ และอื่นๆ ที่เป็นเรื่องเล่าลือและยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใดครับ

เขตมินาโตะกุ สวนสาธารณะชิบะ ค่าเข้าชม ฟรี การเดินทาง ลงสถานีรถไฟสวนสาธารณะชิบะ (ชิบะโคเอง) สถานีโอนาริมอน (ประตูโอนาริ) และ สถานีอากิบาเนะบาชิ ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ มีต้นซากุระ ล้อมรอบสุสานมารุยามะ สุสานรูปรูกุญแจ และสระเบนเทน ซึ่งมีความสวยงามทั้งในตอนกลางวันและในยามค่ำคืน เพราะมองเห็นโตเกียวทาวเวอร์ด้วย

รปปงงิฮิล ค่าเข้าชม ฟรี การเดินทาง ลงสถานีรถไฟนิชิ ชินจูกุ, รปปงงิ และ อาซาบุ จูบัง สวนโมริ และสระโมริ เป็นสวนแห่งหนึ่งบนรปปงงิฮิล เนินเขาใจกลางเมืองที่มีทั้งสวนสาธารณะ ร้านอาหารต่างๆ มากมาย เหมาะกับการมาพักผ่อน รับประทานอาหาร และเดินชมดอกซากุระรอบๆ ในยามค่ำคืน

เขตชิบุยะ สวนสาธารณะ โยโยงิ ค่าเข้าชม ฟรี การเดินทาง สถานีรถไฟ ฮาราจูกุ สถานีโยโยงิโคเอง สวนแห่งนี้อยู่บริเวณใจกลางกรุงโตเกียว และเป็นจุดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ถือได้ว่าใหญ่มากสำหรับมหานครโตเกียวแห่งนี้ มีต้นไม้และดอกไม้นานาพันธ์ให้ชมกันทุกฤดู เป็นที่ที่คนไทยรู้จักกันดี เพราะเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ เช่นจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิคในปี 1964 และเป็นสถานที่ที่มีพื้นที่สำหรับแสดงผลงานทางศิลปะหรือดนตรีของนักแสดงอิสระทั้งหลายด้วย

 

สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุ (ชินจูกุเคียวเอง) ค่าเข้าชม 200 เยน การเดินทาง โดยรถไฟ ลงสถานีชินจูกุเคียวเอง สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุ สวนสาธารณะที่อยู่ใกล้กับชินจูกุและชิบุยะ มีดอกซากุระกว่า 1,300 ต้น 65 สายพันธุ์ และพันธุ์หายากที่หาชมได้เฉพาะที่นี่ด้วย สวนแห่งนี้ถือเป็นสวนสาธารณะแห่งชาติตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 ใช้ประกอบพิธีสำคัญๆ อย่างเช่นงานพระบรมศพขององค์จักรพรรดิ์ฮิโรฮิโตะ เป็นต้น

เขตจิโยดะ ศาลเจ้ายาสุคุนิ – จิโดริกะฟุชิชูเฮน (จิโดริกะฟุจิโคเอน) ค่าเข้าชม ฟรี การเดินทาง ลงรถไฟสถานีคุดันชิตะ เดินประมาณ 5 นาที หรือลงที่สถานี อิอิดาบาชิ , อิจิกายะ เดินประมาณ 10 นาที เขตนี้มีจุดที่สวยงามอยู่หลายแห่ง ที่มีงานใหญ่ของเขต จิโยดะ ซากุระ เฟสติวัล คือบริเวณศาลเจ้ายาสุคุนิ มีพื้นที่กว้างขว้าง มีคนเข้าร่วมชมมากกว่าสามแสนคน (สถิติระบุไว้ว่าสูงสุดถึงห้าแสนแปดหมื่นคนเชียวครับ) และบริเวณสวนสาธารณะจิโดริกะฟุชิ ที่มีซากุระริมแม่น้ำสวยงามมากๆ

เขตไทโทกุ สวนสาธารณะอุเอโนะ (อุเอโนะออนชิโคเอง) ค่าเข้าชม ฟรี (เฉพาะสวนสาธารณะ) การเดินทาง ลงสถานีอุเอโนะ ที่สวนแห่งนี้มีซากุระขนาดใหญ่กว่า 1,200 ต้น บนพื้นที่กว่า 532000 ตารางเมตร ที่นี่มีอายุยาวนานกว่า 400 ปี สร้างมาตั้งแต่สมัยโตกุกาวะ ถึง 3 ชั่วคนครับ ระหว่างเดินชมซากุระ ก็สามารถชมพื้นที่รอบๆ อย่างเช่น วัด คันเอย์จิ ที่สร้างสมัยโชกุนโตกุกาวะ อิเอมิสึ มีบ่อน้ำพุนามิกิ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นซากุระจนมองดูเหมือนอุโมงค์ซากุระเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีงาน อุเอโนะมัทสึริ (งานวัดอุเอโนะ) เป็นงานเที่ยวชมดอกไม้ที่จะจัดตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมถึง 6 เมษายน (สำหรับปีนี้)

เขตเมกุโระ แม่น้ำเมกุโระ ค่าเข้าชม ฟรี การเดินทาง สถานีรถไฟเมกุโระ สถานีรถไฟ อิเคจิริ โอฮาชิ ต้นซากุระ จะเรียงรายเป็นทิวแถวสองฝากฝั่งแม่น้ำ เป็นทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร มองจากสะพานจะมองเห็นสีชมพูไปไกลสุดลูกหูลูฏตา เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักถ่ายภาพนิยมมาถ่ายมาก

เขตนิชิโตเกียว (ตะวันตก) สวนสาธารณะอิโนคะชิระ ออนชิ ค่าเข้าชม ฟรี (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเข้าชมส่วนอื่นๆ) การเดินทาง เดินประมาณ 5 นาที จากสถานีคิจิโจจิ (รถไฟสายชูโอ) หรือสถานี อิโนคาชิระ ปาร์ก (รถไฟสายเคย์โอ) มีต้นซากุระกว่า 500 ต้นรอบๆ สระน้ำขนาดใหญ่ใจกลางสวนสาธารณะก็มีกว่า 250 ต้น ทำให้วิวที่นี่สวยงามน่าหลงไหล โดยเฉพาะการพายเรือท่ามกลางดอกซากุระ มันช่างเป็นบรรยากาศที่สุดยอดมากๆ ครับ

ถนนซากุระเมืองคุนิตะชิ ค่าเข้าชม ฟรี การเดินทาง จากสถานีคุนิตะชิ ประมาณ 5 นาที เมืองแห่งนี้มีถนนที่มีซากุระเต็มทั้งสองข้างทาง ยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใกล้กับมหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิ (อาจารย์ที่จุฬาของผมเรียนที่นี่ ><) เป็นถนนที่มีร้านค้าอยู่สองข้างทาง เดินผ่านอุโมงค์ซากุระ เลือกซื้อของกินอย่างช้าๆ ได้อย่างมีความสุข

สวนสาธารณะโคกะไน ค่าเข้าชม ฟรี การเดินทาง สถานีฮิงาชิโคเกะไน มุซาชิโคเกะไน และฮานะโคเกะไน เป็นสวนสาธารณะอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด มีต้นซากุระกว่า 1,800 ต้น มีพื้นที่กว้างขวางถึง 793,127 ตารางเมตร ใหญ่เป็นอันดับ 2 สำหรับสวนสาธารณะในโตเกียว เพราะว่ากว้างใหญ่ จึงมีสถานที่ให้ชมและเล่นมากมายครับ มีสนามเทนนิส สนามยิงธนู คอร์สจักรยาน และอื่นๆ อีกมาก