ช่วงเวลาดีๆ บางครั้ง มันก็แสนสั้นนัก หากเรา ต้องการอะไรจากมันมากไป
เคยรู้สึกไหม เวลาที่ไปรักใครสักคนโดยไม่ตั้งใจ
รักไปทั้งๆที่รู้ว่ารักนี้ไม่มีวันเป็นไปได้..

“เอ๊ะๆ นี่ นายบ๊อง นายมายุ่งอะไรกับโต๊ะฉัน”
“เฮ้ ป่าวนา ฉันแค่มายืนเฉยๆ”
“ไปไกลๆ เลย ไปไกลๆ เดี๋ยวโต๊ะฉันจะติดเชื้อโรคติงต๊องจากนาย”
“โห่ ไปก็ได้ หวงจังเลย”

มันก็ไม่ค่อยโสภานักหรอกที่จะต้องไปทะเลาะกับผู้หญิงหน้าแบนๆ ดูไม่มีอะไรเลยอย่างนั้น
ผมเองก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจหรือมองอะไร ยัยหมวยหน้าบานนี่ด้วยซ้ำ.. แต่ก็ไม่รู้ว่า ไอ้เพื่อนผม มันไปหลงเสน่ห์อะไรยัยนี้ได้มันก็ออกจะหล่อ
ไปๆมาๆ ก็คบเป็นแฟนกัน ผมว่าถ้าเปรียบผู้หญิงสวยกับผู้ชายหล่อเป็นดอกฟ้ากับหมาวัด อันนี้ผมว่าถ้าจะเป้นดอกหญ้า กับหมาอัลเซเชี่ยลกระมังนี่

จนมาวันนึงเราก็ต้องแยกจากกันเพื่อนผมมันดันสอบทุน พสวทได้ ตอน ม.5 ต้องไปเรียนที่อื่นเล่นเอาเธอร้องไห้ไปเลย ที่ต้องห่างกันไป
แต่ก็ยังบอกว่าจะรักกันเสมอ
เธอกับเพื่อนผมก็นัดเจอกันบ้าง แต่นะ โรงเรียนประจำของนักเรียนทุน ใช่ว่าจะออกมาได้ง่ายๆ เวลาที่ทั้งคู่เจอกันก็น้อยลง จะโทรหา จะอะไรก็ยากเย็น
เสียงบ่นของเธอว่าคิดถึงๆ ก็ดังอยู่เสมอเวลาคุยกับผม จากนั้น เธอกับผมก็คุยกันบ่อย ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง
ก็คงเพราะผมเป็นเพื่อนสนิทกับแฟนเธอ เธอเลยไม่ค่อยเกรงใจผมเท่าไหร่ มีอะไรก็ใช้ มีอะไรก็ด่าเอาด่าเอา ไม่ทำให้หน่อยก็งอน ไอ้แฟนก็ดันมาเอาใจไม่ได้

เราหรือทีแรกก็นะ ยัยนี่มันไส้เดือนกิ้งกือชัดๆ แต่พอไปๆมาๆ เออแหะ หน้าแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าดูไม่ดี ออกจะน่ารักกว่าคนอื่นๆทีอยู่ในห้องเดียวกันตั้งเยอะ..

“นี่ ตาบองส์ วันนี้ฉันอยากกินขนมปัง กับนมจืด เที่ยงซื้อให้ด้วย”
“อืมๆ แล้วเอาป๊อกกี้ป่าว จอลลี่โคล่าเอาไหม”
“เอาจอลลี่โคล่าก็พอ ป๊อกกี้ไม่เอา อ้วนแระ”
“อือ อือ”

มันก็เป็นเหมือนชีวิตประจำวันกระมัง ก็นะ ผมก็รู้ เพราะนั่นก็เพื่อน มันก็ยังรักเธอดีไม่มีเปลี่ยน เธอเองล่ะ ก็ยังคงพูดถึง ฝันถึง คิดถึง อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
แล้วผมล่ะ ผมก็คือเพื่อนเธอไง เสียงก้องๆดังในหัวเตือนสติตัวเอง

“เบื่อ เซง ทำไมต้องไปด้วยก็ไม่รู้”
“อ่าว ทำไมหรอ”
“ก็เบื่อเพื่อนนายอ่ะดิ เซง วันนี้หงุดหงิด ไปดูหนังกันดีกว่า”
“อ่ะนะ มีไรก็คุยกันดีๆ เราไปเป็นเพื่อนละกัน”

เวลาเธอทะเลาะกันมา ก็แน่ล่ะ ผมอยู่ตรงนี้นิ ก็คงไม่แปลกถ้าจะต้องรับฟังอะไรมากมาย มันไม่ใช่เรื่องแย่หรอก จริงๆผมก็ไม่เคยเซงเรื่องที่ต้องฟังนะ
เพียงแต่มันก็แปลกๆ ที่บางทีก็พูดอะไรไม่ออกสักเท่าไหร่
บางที พอผมเงียบไป เหมือนเธอก็รู้ละมัง เธอก็เปลี่ยนเรื่องอื่นคุย

“นี่ วันนี้นายอยู่เวรหรอ”
“อือ เราต้องเข้าเวรเย็น วันนี้ไปส่งไม่ได้ กลับบ้านดีๆล่ะ”
“เรานัดเพื่อนนาย วันนี้ไปกินข้าวกัน”
“หรอ อือ ไปดีๆ เที่ยวเผื่อเราด้วยนะ”
“อือ ไว้วันหลัง เราไปกินข้าวกะนายละกันนะ”
“ไม่เปนไรหรอก ไปเหอะ ไว้มันไม่ว่าง แล้วอยากไปก็บอกละกัน”
“อือ..”

บางทีความใกล้ชิด มันคงเป็นความผูกพัน มากกว่าที่จะบอกว่ารักกัน ผมบอกตัวเองแบบนี้เสมอ เพราะรู้ ว่าเราไม่ควรก้าวไปข้างหน้ามากกว่านี้ เพียงแต่ถ้าอะไรมันง่าย เหมือนปากพูดก็ดี…

“เป็นอะไรอ่ะ”
“ป่าว..”
“นี่ เธอเป็นอะไร”
“ป่าว เราไม่ได้เป็นไร เธอซื้อขนมให้เรารึยังเหอะ”
“ก็ลงไปซื้อมานี่ไง กินหนมดิ นี่เราซื้อท้อดองมาให้ด้วย ของโปรดเธอไง”
“อ่ะ จริงอ่ะ ไหนๆ”
“อ่ะ เราแกะให้”
“อืมมม.. ”
“ฮึอ.. ฮึอ.. ”
“เห้ย นี่ เป็นอะไรไป”
“ฮึอ ฮึอ… ฮึอ……..”

ไม่มีเสียงพูดจากเธอ.. เธอเอามือจับแขนเสื้อผมที่นั่งข้างเธอ แล้วซุกหน้ามาร้องไห้ น้ำตา.. กับเสียงร้องเบาๆ ผมได้แค่มองเธอ
มือที่วางอยู่ข้างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะยกขึ้นไปลูบผม
สุดท้ายผมก็แหงนหน้ามองไปบนเพดาน จนความเงียบเข้าปกคลุม จนเธอหยุดร้องไห้ ขอตัวไปล้างหน้า
ผมยังนั่งอยู่ตรงนั้นตอบรับว่า อืม พอเธอกลับออกมาจากห้องน้ำเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน คืนนี้.. ผมไม่อาจจะข่มตาลงได้เลยแม้แต่น้อย

ผมโทรหาเธอได้ยินเพียง “ไม่มีอะไร”
โทรไปถามเพื่อน เพื่อนก็ตอบว่า “ไม่ได้ทะเลาะกัน ก็คุยกันดี”
แล้ว… น้ำตาของเธอล่ะ……. พรุ่งนี้ ผมควรจะทำยังไงดี…. ผม.. จะทำในสิ่งที่ควร… หรือ…เลือกในสิ่งที่ใจปรารถนา… คืนนี้ ผมจะมีคำตอบให้กับตัวเองไหม…..